Header

ตรวจคัดกรองป้องกันมะเร็งปากมดลูก เรื่องสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้

แพทย์หญิงพรรณารัตน์  ขุนทอง แพทย์หญิงพรรณารัตน์ ขุนทอง

ตรวจคัดกรองป้องกันมะเร็งปากมดลูก เรื่องสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน

ตรวจคัดกรองป้องกันมะเร็งปากมดลูก เรื่องสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้

มะเร็งปากมดลูก

เป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงทั่วโลก และในประเทศไทยเองก็นับเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงติดอันดับต้นๆ อย่างไรก็ตาม มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ หากเรารู้จักวิธีการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอและดูแลสุขภาพให้ดี มะเร็งชนิดนี้มีลักษณะการพัฒนาเป็นขั้นตอนและใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาเป็นระยะมะเร็ง การตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยป้องกันและรักษาได้ทันท่วงที

ทำความรู้จักกับมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูกเกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์บริเวณปากมดลูก ซึ่งอยู่ส่วนล่างของมดลูก เชื่อมต่อกับช่องคลอด เซลล์ปากมดลูกที่ได้รับเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) บางสายพันธุ์มีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งได้หากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ในระยะเริ่มแรกของมะเร็งปากมดลูก ผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการใดๆ ทำให้การตรวจคัดกรองเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากสามารถช่วยให้พบความผิดปกติก่อนที่มะเร็งจะพัฒนาเป็นระยะลุกลาม

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูก

หนึ่งในสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกคือการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อผ่านการสัมผัสทางเพศ โดยไวรัสนี้มีหลายสายพันธุ์ แต่มีบางสายพันธุ์ที่เป็นอันตรายและสามารถทำให้เซลล์ปากมดลูกกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งปากมดลูก เช่น

  • การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
  • การมีคู่นอนหลายคน
  • การสูบบุหรี่ ซึ่งส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและการเปลี่ยนแปลงของเซลล์
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
  • การไม่ได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมีอะไรบ้าง?

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมีวิธีการหลักๆ อยู่ 2 วิธี ได้แก่ การตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear) และ การตรวจหาเชื้อเอชพีวี (HPV DNA Test) ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจพบความผิดปกติของเซลล์ในปากมดลูกได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

1. การตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear) การตรวจ Pap Smear เป็นวิธีการที่ใช้กันมานานและมีประสิทธิภาพในการตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูก แพทย์จะใช้เครื่องมือเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูกเพื่อไปตรวจหาการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าเซลล์เหล่านั้นมีแนวโน้มจะพัฒนาเป็นมะเร็ง การตรวจนี้ควรทำทุก 3 ปีสำหรับผู้หญิงที่มีอายุ 21-29 ปี

2. การตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV DNA Test) HPV DNA Test เป็นการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสเอชพีวีที่ปากมดลูก วิธีนี้สามารถตรวจพบเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงได้ แม้ว่าเซลล์ปากมดลูกจะยังไม่แสดงความผิดปกติใดๆ การตรวจ HPV DNA Test มักแนะนำสำหรับผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และควรตรวจทุก 5 ปี

ขั้นตอนการตรวจคัดกรองเป็นอย่างไร?

การตรวจ Pap Smear และ HPV DNA Test ใช้เวลาไม่นานและไม่เจ็บมาก ในขั้นตอนการตรวจ แพทย์จะให้คุณนอนลงบนเตียงตรวจ จากนั้นจะใช้เครื่องมือเล็กๆ ที่เรียกว่า Speculum เพื่อเปิดช่องคลอดและใช้เครื่องมือเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูก ขั้นตอนนี้อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย แต่จะใช้เวลาไม่เกิน 10-15 นาที หลังจากตรวจเสร็จ คุณสามารถกลับบ้านและทำกิจกรรมตามปกติได้ โดยผลการตรวจจะได้รับภายใน 1-2 สัปดาห์

ใครบ้างที่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก?

ผู้หญิงทุกคนที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปหรือเคยมีเพศสัมพันธ์ ควรเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ และควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเหมาะสมในการตรวจตามช่วงอายุ สำหรับผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป การตรวจ HPV DNA Test ควบคู่กับ Pap Smear เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการตรวจหาความเสี่ยง ผู้หญิงที่มีประวัติสุขภาพเสี่ยง หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาความถี่ที่เหมาะสมในการตรวจ

ผลลัพธ์จากการตรวจคัดกรองมีความหมายอย่างไร?

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสามารถให้ผลลัพธ์ได้หลากหลายแบบ ซึ่งแต่ละผลลัพธ์มีความหมายแตกต่างกันไป:

  • ผลปกติ (Negative): ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูก แนะนำให้ตรวจคัดกรองตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ
  • ผลผิดปกติเล็กน้อย (ASC-US): เซลล์ปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ชัดเจน อาจเกิดจากการติดเชื้อเอชพีวีหรือปัจจัยอื่นๆ แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจซ้ำในอีก 6-12 เดือน
  • ผลผิดปกติชัดเจน (LSIL/HSIL): พบการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่มีแนวโน้มจะพัฒนาเป็นมะเร็งในอนาคต แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้องตรวจภายใน (Colposcopy) และอาจต้องทำการตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) เพื่อตรวจหามะเร็ง

การป้องกันมะเร็งปากมดลูกอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากการตรวจคัดกรองแล้ว การป้องกันมะเร็งปากมดลูกสามารถทำได้โดยการรับวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวี (HPV Vaccine) ซึ่งเป็นวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมาก วัคซีนนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีที่เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกได้มากถึง 90% วัคซีนนี้ควรได้รับตั้งแต่อายุ 9-12 ปี แต่ผู้ที่มีอายุมากกว่านี้ก็ยังสามารถรับวัคซีนได้ การรับวัคซีน HPV ควรทำก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด การรักษาสุขภาพที่ดีและป้องกันการติดเชื้อเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ คุณสามารถป้องกันตนเองได้ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และรักษาความสะอาดของร่างกาย

การตรวจคัดกรองคือกุญแจสำคัญในการป้องกันมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคร้ายที่สามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจคัดกรองและการรับวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวี การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอช่วยให้พบเซลล์ผิดปกติตั้งแต่ระยะแรกๆ และป้องกันไม่ให้พัฒนาเป็นมะเร็ง คุณผู้หญิงทุกคนควรใส่ใจสุขภาพและเข้ารับการตรวจตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูก และรักษาสุขภาพที่ดีในระยะยาว

"หากมีคำถาม หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษา กรุณาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง"

คลิกเพื่อขอคำปรึกษา



ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง

ศูนย์อายุรกรรมโรคมะเร็ง | โรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน

ศูนย์อายุรกรรมโรคมะเร็ง

สถานที่

ชั้น 1 โรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน

เวลาทำการ

17.00 - 20.00 น. (ทุกวันพุธ)

เบอร์ติดต่อ

053-582-888

แผนกสูตินรีเวช | โรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน

แผนกสูตินรีเวช

สถานที่

ชั้น 1 โรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน

เวลาทำการ

08:00 - 17:00 น.

เบอร์ติดต่อ

053-582-888

แพทย์ประจำศูนย์

แผนกสูตินรีเวช

แพทย์หญิงพรรณารัตน์ ขุนทอง

สาขาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา

แผนกสูตินรีเวช

นายแพทย์รัตน์พล อ่ำอำไพ

สาขาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา

แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์